![ต้นสละอินโดสายน้ําผึ้ง เนื้อหวาน กรอบไม่ติดเมล็ด แตกต่างจากสละสายพันธุ์ทั่วไป](https://dummyimage.com/150/e6e6e6/ffffff.png&text=Loading...)
![img promotions](img/bbimage1.jpg)
![img promotions2](img/bbimage2.jpg)
![ต้นสละอินโดสายน้ําผึ้ง เนื้อหวาน กรอบไม่ติดเมล็ด แตกต่างจากสละสายพันธุ์ทั่วไป](https://dummyimage.com/150/e6e6e6/ffffff.png&text=Loading...)
![#ต้นสละอินโด โปรซื้อ 1 ฟรี 1 โปรขายส่งจากฟาร์ม](https://dummyimage.com/150/e6e6e6/ffffff.png&text=Loading...)
2. #ต้นสละอินโด โปรซื้อ 1 ฟรี 1 โปรขายส่งจากฟาร์ม
ต้นสละอินโด โปรซื้อ 1 ฟรี 1 โปรขายส่งจากฟาร์ม
![ต้นสละสุมาลี แบบเพาะเมล็ด ลําต้นแข็งแรง ปลูกง่าย ออกผลดก ลูกใหญ่ หวาน อร่อย ขนาดลําต้นสูง 40-70 ซ.ม 1 ต้น/แพ็ค)](https://dummyimage.com/150/e6e6e6/ffffff.png&text=Loading...)
3. ต้นสละสุมาลี แบบเพาะเมล็ด ลําต้นแข็งแรง ปลูกง่าย ออกผลดก ลูกใหญ่ หวาน อร่อย ขนาดลําต้นสูง 40-70 ซ.ม 1 ต้น/แพ็ค)
ต้นพันธุ์สละสุมาลี แป้ง ผสม เกสร สละ ลอย ต้นสละสุมาลี ลําต้นแข็งแรง ปลูกง่ายได้ทุกพื้นที่ ออกผลดก ลูกใหญ่ หวาน อร่อย ขนาดลําต้นสูง 40-70 ซ ม ละเป็นพืชที่จําเป็นจะต้องช่วยในการผสมเกษรเพื่อให้ได้ผลผลิตที่สมบูรณ์ คือ จะเก็บดอกตัวผู้จากต้นอื่น หรือ เป็นเกสรตัวผู้ที่เก็บจากระกําก็ได้ นํามาเคาะใส่ดอกตัวเมียที่เริ่มบาน ละอองจากช่อดอกตัวผู้ 1 ดอกจะสามารถใช้ผสมดอกตัวเมียได้ 5 ดอก อีกหนึ่งวิธีในการช่วยผสมเกสร คือ หากมีการรวบรวมเกสรตัวผู้มาเก็บไว้โดยเก็บไว้ในช่องแช่แข็งจะเก็บไว้ได้นานถึง 6-8 เดือน จากนั้นหากต้องการนําออกมาใช้ก็เอาเกสรตัวผู้ 1 ส่วนมาผสมกับแป้งทาตัว 5 ส่วน คลุกเคล้าจนเข้ากัน แล้วใช้พู่กันขนอ่อนจุ่มแล้วนําไปป้ายที่ดอกตัวเมีย ทาให้ทั่วช่อดอก แล้วติดป้ายวันผสมเกสรไว้เพื่อดูวันเก็บเกี่ยวผลผลิต ระยะออกดอกและติดผล เป็นระยะที่ช่อดอกพัฒนาและเริ่มเป็นผล โดยปกติช่อดอกสละจะอยู่บนพื้นดินหรือซุกอยู่บนกาบล่างของโคนต้น ดังนั้นจึงต้องโยงช่อดอกขึ้นด้วยการใช้เชือกฟางผูกช่อดอกโยงไว้กับทางใบให้ลอยพ้นพื้นขึ้นเพื่อให้ทํางานได้ง่ายขึ้น ซึ่งสละในระยะนี้จะมีการตัดแต่งช่อดอก หรือที่ชาวสวนเรียกว่า กระปุก โดยจะเลือกกระปุกที่สมบูรณ์ไว้เพียง 5 กระปุก/คาน จากนั้นก็ตัดแต่งกระปุกอีกทีโดยการซอยผลเล็ก ผลบิดเบี้ยว หรือผลที่มีลักษณะผิดปกติทิ้ง สละ ปลูกดีๆสร้างรายได้ประมาณ 150,000 บาท ต่อไร่ต่อปี ถ้าหากปลูก 10 ไร่ ปีละ 1,500,000 บาท ผลผลิตออกต่อเนื่องทั้งปี หากมีเกษรตัวผู้ผสม
![ขาย ต้นจิงจูฉ่าย 1ถุงดํา 2ถุงดํา ต้นแข็งแรงพร้อมปลูก](https://dummyimage.com/150/e6e6e6/ffffff.png&text=Loading...)
4. ขาย ต้นจิงจูฉ่าย 1ถุงดํา 2ถุงดํา ต้นแข็งแรงพร้อมปลูก
เมล็ด พันธุ์ จิง จู ฉ่าย เมล็ดพันธุ์จิงจูฉ่าย เมล็ดพันธ์จิงจูฉ่าย ต้นพันธุ์จิงจูฉ่าย จิงจูฉ่ายพร้อมปลูก หากกล่าวถึงพืชผักสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และสามารถต้านเซลล์มะเร็งได้ด้วยนั้น จะไม่กล่าวถึงจิงจูฉ่ายคงไม่ได้ เพราะจิงจูฉ่ายจัดว่าเป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยามากมาย โดยคนส่วนใหญ่จะนิยมนํามาปรุงอาหารเพื่อรับประทาน และด้วยรูปลักษณ์ของใบที่สวยงาม มีกลิ่นเฉพาะตัว บางบ้านก็นิยมนํามาปลูกลงในกระถางเพื่อตกแต่งบ้าน เพิ่มความสวยงามให้กับบ้านได้อีกด้วย จิงจูฉ่ายคืออะไร? จิงจูฉ่าย White mugwort หรือ ที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ โกศจุฬาลัมพา แต่สําหรับชาวต่างชาติจะเรียกว่า เซเลอรี Celery เป็นพืชล้มลุกที่มีถิ่นกําเนิดมาจากประเทศจีน มีฤทธิ์เย็น ให้รสชาติขมเล็กน้อย และมีกลิ่นหอม ยิ่งเมื่อถูกความร้อนกลิ่นยิ่งจะหอมมากขึ้นไปอีก คนจีนนิยมนํามาปรุงอาหารในช่วงหน้าหนาว เพราะเชื่อว่าจิงจูฉ่ายจะช่วยปรับความสมดุลให้กับร่างกายได้ แต่สําหรับคนไทยจะมานํามาปรุงอาหารเพื่อดับกลิ่นคาว ส่วนชาวต่างชาติจะนิยมนํามาวางตกแต่งจานอาหารเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับอาหารเท่านั้น ลักษณะของ จิงจูฉ่าย จิงจูฉ่ายเป็นพืชล้มลุก ซึ่งมีลักษณะเป็นพุ่มเล็กๆ สูงประมาณครึ่งถึงหนึ่งฟุต ใบจะมีลักษณะเป็นรูปวงรี มีขอบเป็นแฉก 5 แฉกมีสีเขียว เนื้อที่ใบหนาเหมือนกับผักขึ้นฉ่าย เมื่อโตเต็มที่จะแตกกิ่งออกเป็นกอคล้ายใบบัวบก รากมีขนาดใหญ่ และมีกลิ่นหอม สามารถขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น และมีแสงแดดสลัวๆ คุณค่าทางโภชนาการของ จิงจูฉ่าย จิงจูฉ่ายจะมีสารไลโมนีน ไกลโคไซด์ชื่อ อะปิอินและมีซิลนีน ซึ่งมีคุณสมบัติ ช่วยในการปรับสมดุลความดันเลือดภายในร่างกาย อีกทั้งยังมีวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 6 วิตามินอี และวิตามินซี โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน แคลเซียม ฟอสฟอรัส กากใยอาหาร และเหล็ก เป็นต้น การรับประทานจิงจูฉ่ายในปริมาณ 100 กรัม ทําให้ได้รับพลังงานถึง 392 กิโลแคลอรี่ ซึ่งคุณค่าทางโภชนาการของจิงจูฉ่ายประกอบไปด้วยโปรตีน 18 กรัม, วิตามิน 1.08 มิลลิกรัม, เหล็ก 45 มิลลิกรัม, ฟอสฟอรัส 550 มิลลิกรัม, ไขมัน 11 กรัม และมีแคลเซียมสูงถึง 1,760 มิลลิกรัม นอกจากนี้ ยังมีวิตามินเอ ซี และคลอโรฟิลด์อีกด้วย ประโยชน์ของ จิงจูฉ่าย จูจิงฉ่าย เป็นพืชที่มีประโยชน์และสรรพคุณทางยามากมาย โดยในส่วนของประโยชน์ก็มีดังนี้ รักษาโรคมะเร็ง จากผลการวิจัยพบว่าจิงจูฉ่ายสามารถนํามารักษาโรคมะเร็งได้ โดยนําใบจิงจูฉ่าย 1 กํามือ มาปั่นหรือตํา เพื่อคั้นเอาน้ําออกมา นํามาดื่มทุกเช้า-เย็น ดื่มก่อนรับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง วันละ 1-2 ครั้ง โดยให้ทําทานติดต่อกันเป็นเวลา 2-3 เดือน สารในจิงจูฉ่ายจะสามารถช่วยต้านเซลล์มะเร็งได้ บํารุงเลือด โดยเฉพาะสตรีที่มีปัญหาเรื่องเลือดลมไม่ดี ประจําเดือนมาไม่ปกติ จิงจูฉ่ายจะช่วยในการประสะเลือดลมให้ไหลเวียนได้ปกติ มีสรรพคุณเป็นยาเย็น หากรับประทานในช่วงหน้าหนาวจะช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย เลือดไหลเวียนได้สะดวก ช่วยบํารุงปอดและฟอกเลือด ดีต่อความดันโลหิต โดยน้ํามันหอมระเหยในจิงจูฉ่ายจะช่วยปรับความสมดุลความดันโลหิต ช่วยในเรื่องของการขับลม ในลําไส้และกระเพาะอาหาร ช่วยดับพิษ แก้ผิวหนังเป็นฝี แก้อาการอักเสบ ช่วยเรื่องผดผื่นคันได้ ช่วยรักษาโรคมาลาเรีย เนื่องจากเชื้อโรคที่ทําให้เกิดโรคนี้คล้ายกับเซลล์มะเร็ง สรรพคุณทางยาของจิงจูฉ่าย ต้นและใบของจิงจูฉ่ายจะมีน้ํามันหอมระเหย ที่ชื่อว่า อะปิอิน ซึ่งประกอบด้วยสารเอพีอิน สารไลโมนีน และซิลินี ซึ่งสรรพคุณของสารเหล่านี้จะช่วยลดความดันโลหิต ช่วยในเรื่องการขยายตัวของหลอดเลือด ช่วยขับลมและกรดในกระเพาะอาหาร จิงจูฉ่ายจัดเป็นพืชที่มีฤทธิ์เย็นซึ่งจะช่วยในเรื่องของการปรับสมดุลในร่างกาย เหมาะกับคนที่มีอาการร้อนในบ่อยๆ นอกจากนี้ ยังช่วยในเรื่องบํารุงปอด ช่วยฟอกเลือด และระบบการหมุนเวียนของเลือด และด้วยจิงจูฉ่ายเป็นพืชที่มีโซเดียมต่ํา จึงช่วยในการฆ่าไวรัส และขับพิษ จึงเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคไต ไอเดียการกิน จิงจูฉ่าย เพื่อสุขภาพ จิงจูฉ่ายเป็นพืชสมุนไพรที่สามารถนํามาประกอบเมนูอาหารได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะนํามาทําอาหารหรือทําเป็นเครื่องดื่ม การกินจิงจูฉ่ายให้ได้รับคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุดคือ การรับประทานแบบสดๆ เช่น ทานเป็นเครื่องเคียงกับลาบหรือน้ําพริกก็ได้ แต่ก็สามารถนํามาปรุงอาหารได้อีกหลายเมนู โดยเมนูที่จะแนะนําก็จะมีดังต่อไปนี้ จิงจูฉ่ายผัดไฟแดง เป็นเมนูที่ถูกดัดแปลงมาจากเมนูผัดผักบุ้งไฟแดงนั่นเอง กรรมวิธีก็ไม่อยาก เพียงนําจิงจูฉ่ายมาล้างน้ําให้สะอาด และหั่นให้ได้ความยาวพอประมาณ ใส่น้ํามันหอย พริก กระเทียมสับ น้ําตาล ซีอิ้วขาว และเต้าเจี้ยวเล็กน้อย โดยราดไว้บนจิงจูฉ่ายที่หั่นไว้ จากนั้นตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ํามันลงไป เทส่วนผสมทุกอย่างลงไปในกระทะพร้อมกันๆ ผัดให้เข้ากัน เพียงแค่นี้ก็จะได้เมนูหอมๆ จากจิงจูฉ่ายไว้ทานกับข้าวต้มเพิ่มอีกหนึ่งเมนูแล้ว แกงจืดจิงจูฉ่าย นอกจากเมนูผัดแล้ว เมนูต้มจิงจูฉ่ายก็นํามาทําได้เช่นกัน วิธีการทําก็ง่ายๆ ไม่ต่างจากแกงจืดทั่วไป เพียงแค่เพิ่มจิงจูฉ่ายลงไปเป็นส่วนประกอบเพิ่มเท่านั้น อันดับแรกเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมได้แก่ หมูสับ แครอท เต้าหู้ไข่ วุ้นเส้น ซุปก้อน และซีอิ๊วขาว เริ่มต้นการทําจากการตั้งน้ําให้ร้อน แล้วใส่ซุปก้อนลงไป เมื่อน้ําเดือดจึงค่อยใส่หมูสับตามด้วยเต้าหู้ไข่ แครอท และวุ้นเส้น ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวเล็กน้อย จากนั้นให้ตักใส่จาน รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ ก็ได้มื้ออาหารเพื่อสุขภาพเพิ่มอีก 1 มื้อแล้ว แกงส้มจิงจูงฉ่าย อาจจะฟังดูเป็นเมนูไม่คุ้นนัก แต่ในความเป็นจริงก็คือ เมนูแกงส้มทั่วไปที่ใส่จิงจูงฉ่ายเพิ่มเข้าไปนั่นเอง เริ่มกันที่การเตรียมผักที่คุณชอบหรือต้องการทาน 3-4 อย่าง เช่น มะละกอ ดอกแค ดอกกระหล่ํา และจิงจูฉ่าย เป็นต้น อาจจะใส่เนื้อสัตว์ลงไปผสมด้วยก็ได้ตามต้องการ เช่น เนื้อปลา เนื้อกุ้ง เตรียมพริกแกงส้ม น้ําตาลปึก เกลือ และน้ํามะขามเปียก สําหรับปรุงรส เริ่มทําจากการตั้งน้ําให้เด
![[กิ่งตอน ต้นกล้าเชอรี่อเมริกาสีเหลืองต้นพันธุ์ F1 ต้นสูง 60-80 ซม นําเข้าจากอเมริกา ต้นแข็งแรง เลี้ยงง่าย ให้ผลผลิตสูง](https://dummyimage.com/150/e6e6e6/ffffff.png&text=Loading...)
5. [กิ่งตอน ต้นกล้าเชอรี่อเมริกาสีเหลืองต้นพันธุ์ F1 ต้นสูง 60-80 ซม นําเข้าจากอเมริกา ต้นแข็งแรง เลี้ยงง่าย ให้ผลผลิตสูง
ต้นพันธุ์กระจับสุพรรณบุรี ต้นพันธ์เชอรี่อเมริกา ต้นกล้าเชอรี่อเมริกา ต้นพันธุ์สละสุมาลี ต้นเชอรี่ อเมริกา
คุณรู้หรือไม่? ว่าปัจจุบันนี้"วิธีปลูกสละจากเมล็ด"นั้นโดยมีทั้ง วิธีปลูกสละจากเมล็ด แล้วแบบนี้คุณจะทราบได้อย่างไรว่าในแต่ละรุ่นหรือประเภทนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร? หรือวิธีปลูกสละจากเมล็ด ยี่ห้อไหนดี? ราคาแพงไหม? ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาวิธีปลูกสละจากเมล็ดดีๆสักรุ่น วันนี้เราได้จัดอันดับ แนะนำ วิธีปลูกสละจากเมล็ดคุณภาพดีมาให้คุณได้เลือกกันแล้วดังนี้