1. ต้นโพวตี่กิ้ม หรือ หญ้าเกล็ดหอย ใช้ใบสดต้มเป็นน้ํายาสมุนไพรสําหรับทุกคนในบ้านดื่มช่วงอากาศจะเปลี่ยนฤดูแบบนี้สามารถแก้เหงือกปวดบวมได้
สมุนไพรจีน โพวตี่กิ้ม หรือ หญ้าเกล็ดหอย หรือ เทียงโอ่วซุย หรือ หญ้าเกล็ดหอย มีสรรพคุณสุดยอด เป็นยาสมุนไพรจีน ควรปลูกไว้ประจําบ้าน
มีสรรพคุณของโพวตี่กิ้ม: ช่วยแก้อาการร้อนใน เป็นยาแก้ไข้ ช่วยแก้อาการไอ ไอกรน ช่วยขับเสมหะ ช่วยแก้อาการเจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ ถอนมาทั้งรากทั้งโคนต้มเป็นน้ํายาสมุนไพรสําหรับทุกคนในบ้าน ดื่มช่วงอากาศจะเปลี่ยนฤดูแบบนี้ สามารถแก้เหงือกบวมเป็นหนอง ป้องกันไข้ต่าง ๆ ได้ดี
ขนาดและวิธีใช้ : ใช้ต้นสดให้ใช้ครั้งละประมาณ 30-60 กรัม ส่วนแบบแห้งให้ใช้ครั้งละ 10-20 กรัม นํามาต้มเอาน้ํากินเป็นยา ส่วนการใช้ภายนอกให้กะปริมาณตามความเหมาะสม
ชื่อไทย: หญ้าเกล็ดหอย
ชื่อจีน: โพวตี่กิ้ม แต้จิ๋ว), เทียงโอ่วซุย จีนกลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Hydrocotyle sibthorpioides Lam
ชื่อวงศ์: UMBELLIFERAE โพวตี่กิ้มที่แบ่งจากกระถางเล็กมาเลี้ยงในกระถางใหญ่ขึ้นงามมากๆ เก็บไปต้มเป็นน้ํายาสมุนไพรสําหรับทุกคนในบ้านดื่มช่วงอากาศจะเปลี่ยนฤดูแบบนี้ สามารถแก้เหงือกบวมเป็นหนอง ป้องกันไข้ต่าง ๆ ได้ดี
ลักษณะทั่วไป: เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก ลําต้นตั้งตรงเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 0.5-1 มิลลิเมตร ใบต่อตรงกับลําต้น แตกข้อต่อไหลไปเรื่อย ๆ และแผ่สาขาเลื้อยปกคลุมดินโดยมีรากฝอยละเอียดยึดบริเวณผิวดิน เคล็ดลับการรดน้ําโพวตี่กิ้มโดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยแต่ทําให้ใบสดมันเงางาม ก็คือน้ําล้างปลาสด ๆ ที่เราจะเททิ้งไป ก็นํามารดโพวตี่กิ้มแทน เท่านี้ก็ทําให้ต้นดกเจริญงอกงามทันตา หรือน้ําล้างแก้วนมสด หรือนมที่ติดก้นขวดก็ได้
ใบ: ใบมีลักษณะค่อนข้างกลม หยักโค้งเว้ารอบ ๆ ขอบใบ หรือคล้ายรูปไต โคนใบเว้าเหากัน เป็นรูปหัวใจ ริมขอบใบมีรอยหยัก 8-9 ช่วง ในแต่ละช่วงมีรอยหยักโค้งเว้าอีก ช่วงละ 3 หยัก พื้นผิวใบมีสีเขียวมันเงา ใต้ท้องใบเป็นสีเขียวมีขนอ่อนนุ่มขึ้นเล็กน้อย ขนาดของใบมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.6-2.2 ซม ก้านใบหรือลําต้นเป็นเส้นตรงเล็กยาว ประมาณ 3-3.5 ซม ดอกโพวตี่กิ้มพร้อมรอการขยายพันธุ์อย่างไม่มีสิ้นสุด
ดอก: ดอกออกรวมกันเป็นกระจุกรวม 7-8 ดอกย่อย โดยดอกย่อยมีลักษณะกลีบเล็กสีขาวอมชมพูอ่อนปลายกลีบกางแผ่ออกคล้ายร่ม ร กลีบ ออกตามบริเวณข้อลําต้น ลักษณะของใบและเมล็ดที่ติดรอแก่จัดจะเป็นสีเหลืองและร่วงหล่นลงสู่ พื้นดิน ช่วงที่เมล็ดพันธุ์แก่แล้วเป็นช่วงที่เราควรเก็บทุกส่วนมาทํายา และเคาะเมล็ดออกให้ร่วงหล่นสู่พื้นดินเพื่อรอการเติบโตใหม่ ของต้นอ่อนอีกครั้ง หากไม่ทําและรอให้ตายไปต้นไปขึ้นมาจะไม่งาม เท่าที่ควร
ผล: ผลมีลักษณะอวบอ้วนปล่องตรงกลางคล้ายเมล็ดข้าว ขนาดยาวประมาณ 1.5-2 มม เกาะติดกันที่ก้านดอก แผ่จากจุดกึ่งกลางคล้ายก้านร่ม ติดเมล็ดประมาณ 7-8 เมล็ดต่อ 1 ดอก
การขยายพันธุ์: เป็นพรรณไม้ที่ขึ้นได้ดีในดินดําร่วนซุย ชุ่มชื้นแฉะ ขยายพันธุ์ด้วยการใช้เมล็ด หรือการแยกลําต้นปลูกลงดิน
ส่วนที่ใช้เป็นยา: ใช้ทั้งต้น ตั้งแต่ราก ลําต้น ใบ ดอก เมล็ด ทั้งแบบสดและตากแห้ง ช่วงนี้จะเป็นช่วงเก็บต้นที่แก่ได้ที่โดยดูจากเมล็ดที่ต้นจะเริ่มร่วงหล่นและมีสีเหลืองช่วงนี้ต้องถอนทุกส่วนออกมาล้างให้สะอาด จะต้มแบบสด ๆ หรือตากแห้งเก็บไว้สรรพคุณก็ไม่แตกต่างกัน ต้นสดประมาณ 100 กรัม หรือมากกว่านั้นก็ได้ ตัวยาจะเข้มข้นดีมาก และนํามาล้างให้สะอาดล้างหลายน้ํามากกว่าจะสะอาด เพราะต้องใช้รากด้วย ได้โพวตี่กิ้มที่สดสะอาดเพียงพอแล้ว เคาะให้สะเด็ดน้ํา
วิธีนําไปใช้เป็นยารักษาอาการภายใน: ใช้ทุกส่วนของต้นโพวตี่กิ้ม ได้ทั้งแบบสด 1 ขีด และแบบแห้ง 20 กรัม ตั้งน้ําเดือดเอามาต้มให้ตัวยาออกจะมีกลิ่นหอมแบบยาจีน ตักกากขึ้นใส่น้ําตาลแดงเล็กน้อย ใช้ผ้าขาวบางกรอง ดื่มอุ่นหรือเย็นก็ได้ เมื่อน้ําเดือดนําต้นโพวตี่กิ้มใส่ลงต้มจนกลิ่นหอม บ่งบอกถึงสรรพคุณ ของตัวยา และทิ้งไว้ ไม่เกิน 1 นาที จึงตักออกเหลือแต่น้ํา ใส่น้ําตาลแดงลงไปประมาณ 1 ด้วยตวง รสชาติไม่หวานแต่ให้รส และกลิ่นของยาจีนที่หอมหวานในลําคอเวลาดื่ม
วิธีนําไปใช้เป็นยารักษาอาการภายนอก: ถ้านําต้นสดคั้นเอาแต่น้ําทาแก้ผื่นคัน แก้ฟกช้ําบวมจากการล้มหรือกระแทก รักษาแผนฝีหนอง หูอักเสบ เป็นแผลพุพอง เป็นต้น
สรรพคุณ: เป็นยาเย็นมีสรรพคุณแก้ร้อนใน แก้เจ็บคอ แก้บวมอักเสบ แก้ไข้ เป็นยาขับปัสสาวะ นิ่วในไต จากนั้นกรองออกด้วยผ้าขาวบางจะเห็นตัวยาที่ใสสีน้ําตาลอ่อน ๆ รอให้อุ่นสักหน่อยจึงเทแบ่งใส่ขวด และใส่แก้วดื่มกันได้ทั้งครอบครัว ตั้งแต่เด็กตัวเล็ก ๆ จนผู้เฒ่า ช่วยต้านไข้เปลี่ยนฤดู และแก้ร้อนใน